ผลประเมิน SROI งานวิจัย “พลูคาว” ลงทุน 1 บาท สร้างคุณค่าเพิ่ม 1.70 บาท
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สริตา สังข์ทอง สำนักวิชาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง ได้ดำเนินโครงการวิจัย “องค์ประกอบทางพฤกษเคมีของน้ำมันหอมระเหยและสารสกัดแยกส่วนของพลูคาวและฤทธิ์สมานแผลในเซลล์ผิวหนัง” ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ภายใต้ Fundamental Fund ประจำปีงบประมาณ 2565
ผลการประเมิน Social Return on Investment (SROI) ชี้ชัดว่าโครงการนี้มีอัตราส่วนผลตอบแทนทางสังคม (BCR:SROI) เท่ากับ 1.70 หรือกล่าวได้ว่าการลงทุนทุก 1 บาท สามารถสร้างผลตอบแทนกลับคืนเป็นคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคมได้ถึง 1.70 บาท ซึ่งสะท้อนความคุ้มค่าของงานวิจัยในเชิงปฏิบัติจริง
นอกจากการสร้างองค์ความรู้เชิงวิชาการ ด้านสารสำคัญจากพลูคาวที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อและสมานแผลแล้ว งานวิจัยยังเปิดประตูสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสมุนไพร
เช่น เจลแต้มสิวและครีมสมานแผลที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค อีกทั้งยังช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับพืชสมุนไพรท้องถิ่น
เกษตรกรสามารถขยายช่องทางรายได้ ขณะที่ชุมชนได้รับการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและสังคม
การนำไปใช้ประโยชน์
ผลงานวิจัยนี้มิได้หยุดอยู่เพียงในห้องปฏิบัติการเท่านั้น แต่ยังได้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ชุมชนและกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกพลูคาวในพื้นที่อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกสำคัญของภูมิภาคเหนือ โดยทีมวิจัยได้ลงพื้นที่บรรยายให้ความรู้แก่เกษตรกรเกี่ยวกับคุณสมบัติและคุณค่าของสารสกัดจากพลูคาว รวมทั้งแนวทางการยกระดับพลูคาวจากผักพื้นบ้านสู่สมุนไพรเศรษฐกิจที่มีมูลค่าเพิ่ม
กิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้ประกอบด้วยการอธิบายกระบวนการเตรียมวัตถุดิบ การอบแห้ง การบดเป็นผงเพื่อใช้สกัด และการแปรรูปเพื่อเพิ่มคุณภาพของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะการบรรยายเกี่ยวกับ การพัฒนากระบวนการกลั่นน้ำมันหอมระเหย (hydrodistillation) ที่สามารถยกระดับมาตรฐานการผลิตให้ได้สารสำคัญที่มีความเข้มข้นและมีคุณสมบัติทางชีวภาพสูงขึ้น ความรู้ดังกล่าวช่วยให้เกษตรกรเห็นโอกาสในการพัฒนา “พลูคาว” จากการขายวัตถุดิบสดไปสู่การเป็นผู้ผลิตเบื้องต้นของสารสกัดสมุนไพร ซึ่งมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงกว่า
การถ่ายทอดองค์ความรู้ครั้งนี้จึงไม่เพียงช่วยสร้างความตระหนักถึงคุณค่าของพืชสมุนไพรท้องถิ่น แต่ยังเป็นการวางรากฐานให้เกษตรกรสามารถปรับตัวเข้าสู่ห่วงโซ่การผลิตสมุนไพรและเครื่องสำอาง สร้างรายได้เสริมให้กับครัวเรือน และเชื่อมโยงไปสู่การพัฒนาเชิงพาณิชย์อย่างยั่งยืน
แม้โครงการนี้จะมีค่า SROI อยู่ที่ 1.70 แต่ยังสะท้อนถึง ศักยภาพในการสร้างผลกระทบทางสังคมที่สูงขึ้นได้อีกมาก หากมีการต่อยอดเชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนหรือซื้อลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อพัฒนาเชิงธุรกิจ จะสามารถขยายผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคมให้กว้างขวางยิ่งขึ้น และช่วยผลักดันให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยก้าวสู่ตลาดโลกได้อย่างมั่นคง
ผลลัพธ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า งานวิจัยของ มฟล. ไม่ได้หยุดอยู่ที่ห้องปฏิบัติการ แต่สามารถสร้างผลกระทบเชิงเศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพได้จริง พร้อมทั้งสอดคล้องกับแนวนโยบาย BCG Economy และสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะ SDG 3 สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี และ SDG 8 การจ้างงานและเศรษฐกิจท้องถิ่น อย่างเป็นรูปธรรม