SROI งานวิจัยนวัตกรรมกล่องเก็บความเย็น ลงทุน 1 บาท สร้างคุณค่าเกือบ 2 บาท (1.92)
รองศาสตราจารย์ ดร.เสาวภา ไชยวงศ์ สำนักวิชาอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และคณะ ผู้มีความเชี่ยวชาญด้าน Thermal Insulation Box ได้ขับเคลื่อนโครงการวิจัย “การลดความสูญเสียของผักและผลไม้สดระหว่างการขนส่งด้วยนวัตกรรมกล่องเก็บความเย็นและการจัดการห่วงโซ่ความเย็น” ซึ่งเป็นโครงการภายใต้แผนงานของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง Fundamental Fund ประเภท Basic Research ปี 2566 และได้รับการสนับสนุนจาก กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองทุน ววน.)
โครงการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการยกระดับระบบห่วงโซ่ความเย็นของสินค้าเกษตรไทย เนื่องจากปัจจุบันการขนส่งผักและผลไม้สดในประเทศและต่างประเทศนิยมใช้กล่องโฟม ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะที่ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะ สหภาพยุโรป (EU) มีมาตรการเข้มงวดในการลดและเลิกใช้กล่องโฟมในอนาคตอันใกล้ การพัฒนากล่องวัสดุฉนวนต้นแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจึงเป็นคำตอบสำคัญ ทั้งช่วยลดการสูญเสียหลังการเก็บเกี่ยว ยืดอายุการเก็บรักษา ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเกษตรไทยในตลาดโลกอย่างยั่งยืน
ผลการประเมินชี้ว่าโครงการนี้มี อัตราส่วนผลตอบแทนทางสังคม (SROI) เท่ากับ 1.92 หรือกล่าวได้ว่า การลงทุน 1 บาท สามารถสร้างผลตอบแทนกลับคืนเกือบ 2 บาท ให้แก่สังคมและเศรษฐกิจ ตอกย้ำถึงความคุ้มค่าของการลงทุนวิจัย
ผลงานที่ได้ประกอบด้วยการพัฒนากล่องฉนวนที่สามารถทดแทนการใช้วัสดุพอลิสไตรีน เพื่อการผลิตกล่องโฟมได้มากกว่า 80% ช่วยยืดอายุการเก็บรักษาผลผลิตสด เช่น กระเจี๊ยบเขียว โดยลดการสูญเสียน้ำหนักเหลือไม่เกิน 5% ควบคู่กับการพัฒนา อุปกรณ์ IoT-based Data Logger ที่สามารถติดตามอุณหภูมิ ความชื้น และตำแหน่งการขนส่งได้แบบเรียลไทม์ เพิ่มความโปร่งใสและความเชื่อมั่นตลอดห่วงโซ่อุปทาน
นอกจากประโยชน์เชิงเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมในประเทศแล้ว โครงการนี้ยังมี ศักยภาพสูงในการต่อยอดสู่การส่งออกสินค้าเกษตรไปยังสหภาพยุโรป โดยนวัตกรรมกล่องฉนวนที่พัฒนาขึ้นสามารถตอบสนองต่อข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมและมาตรฐานสากลได้อย่างแท้จริง จึงมีโอกาสเป็น องค์ความรู้สำคัญในการปรับเปลี่ยนและลดการใช้กล่องโฟมในตลาดส่งออกในอนาคตอันใกล้ และช่วยสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกให้กับผลิตผลสดของไทย
ด้วยผลลัพธ์เชิงประจักษ์ โครงการนี้จึงไม่เพียงแต่สร้างคุณค่ากลับคืนแก่สังคมเกือบสองเท่าของต้นทุน แต่ยังวางรากฐานสู่ Smart Logistics และสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDG12 การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน และ SDG13 การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะช่วยยกระดับสินค้าเกษตรไทยให้พร้อมแข่งขันในเวทีโลกอย่างยั่งยืน